ในโรงงานอุตสาหกรรมฟันเฟืองที่สำคัญที่จะช่วยให้ทุกกระบวนการสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการทำงาน คือ สายพาน
สายพานเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมโยงชิ้นส่วนและอุปกรณ์ของเครื่องจักรเข้าด้วยกัน หรือจะใช้เชื่อมโยงระหว่างเครื่องจักรเพื่อให้ทำงานไปพร้อมกัน ซึ่งการเชื่อมโยงชิ้นส่วนและอุปกรณ์หรือเครื่องจักรจึงทำให้สายพานมีหลายประเภทเพื่อให้มีความเหมาะสมในการใช้งานมากที่สุด ซึ่งหากเลือกใช้ประเภทของสายพานได้ถูกต้องช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนให้มีความรวดเร็วที่ส่งผลดีต่อธุรกิจในยุคปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันทุกวินาที
ประเภทของสายพาน เลือกที่ใช่และถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
สายพานที่ใช้กับเครื่องจักรอุตสาหกรรมในโรงงานอุตสาหกรรม สามารถแบ่งออกเป็น 2 ใหญ่ ๆ ประเภทตามลักษณะในการใช้งาน มีดังนี้
- สายพานลำเลียง เป็นสายพานที่ใช้ในระบบการลำเลียงสิ่งของที่ใช้ลำเลียงสิ่งของในกระบวนการต่าง ๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม สายพานลำเลียงจะเป็นตัวช่วยในการเคลื่อนย้ายสิ่งของจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งตามทิศทางที่ต้องการ เช่น เคลื่อนที่ในแนวราบ แนวลาดชัน และแนวดิ่ง โดยมีมอเตอร์เป็นตัวส่งกำลังในการขับเคลื่อนสายพานเพื่อให้มูเล่ย์หมุนจนเกิดการเคลื่อนที่ในที่สุด ซึ่งสายพานลำเลียงก็มีหลายประเภทเพื่อให้เหมาะสมในการใช้งาน โดยตัวอย่างของประเภทของสายพานลำเลียง มีดังนี้
- สายพานลูกกลิ้ง เป็นประเภทของสายพานลำเลียงที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยจะมีลักษณะที่โดดเด่นคือจะมีลูกกลิ้งรองอยู่ใต้สายพาน เหมาะกับใช้ในงานลำเลียงทั่วไปในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมของการขนส่งพัสดุ หรือระบบจัดสัมภาระภายในสนามบิน ซึ่งการเลือกใช้สายพานลูกกลิ้งต้องคำนึงถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ในการลำเลียง เนื่องจากรูปแบบของลูกกลิ้ง จำนวนลูกกลิ้งที่ใช้ และความสามารถในการรับน้ำหนักของลูกกลิ้ง จะต้องสัมพันธ์กับความเร็วและแรงกระแทกของสายพานลำเลียงสินค้าเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้งานมากที่สุด
- สายพานโมดูลาร์ เป็นสายพานที่ทำจากพลาสติกแข็งที่สามารถนำมาต่อกันได้และสามารถถอดเปลี่ยนได้จึงทำให้แก้ไขได้ง่ายหากมีความเสียหายจุดไหนก็สามารถเปลี่ยนเป็นจุด ๆ ได้ โดยไม่ต้องทำการเปลี่ยนทั้งหมดจึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดีและทำความสะอาดได้ง่าย สายพานโมดูลาร์ยังมีความแข็งแรงและทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย และยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของความทนทานโดยมีความทนทานต่อวัตถุที่มีความคม มีฤทธิ์ในการกัดกร่อนมากกว่าสายพานประเภทอื่น ด้วยสายพานโมดูลาร์สามารถนำมาต่อกันได้จึงทำให้มีรูปแบบหรือขนาดตามที่ต้องการได้จึงใช้งานได้ดีกับพื้นที่ที่มีความโค้งโดยใช้สายพานแค่เส้นเดียว นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องห่อด้วยพลาสติกหรือแผ่นฟิล์ม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีของเหลวเป็นส่วนประกอบ เป็นต้น
- สายพานคลีท จะมีลักษณะโดดเด่นที่ขอบจะมีแถบนูนขึ้นมาเพื่อใช้แบ่งระยะของสายพานให้มีขนาดเท่ากัน หรือใช้รองวัตถุที่อยู่ในแนวลาดชันหรือเอียงเพื่อไม่ให้วัตถุหล่นจากสายพาน ซึ่งรูปแบบของสายพานคลีทจะมีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับวัสดุที่ต้องการลำเลียง เช่น สายพานคลีทตัว T จะมีการติดตั้งแบบตั้งฉากกับสายพานใช้กับวัสดุที่บอบบางและแตกหักง่าย หรือคลีทตัว L ที่มีฐานกว้างและโค้งงอได้เหมาะกับวัสดุที่เป็นเม็ดเล็ก ๆ สายพานคลีทนิยมใช้ในอุตสาหกรรมลำเลียงถ่านหิน, วัสดุก่อสร้าง, ธัญพืช สารเคมี, โลหะต่าง ๆ และสามารถขนส่งวัสดุที่มีขนาดเล็กแบบเม็ดแบบผง แป้งและของเหลวได้
- สายพานลูกกลิ้ง เป็นประเภทของสายพานลำเลียงที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยจะมีลักษณะที่โดดเด่นคือจะมีลูกกลิ้งรองอยู่ใต้สายพาน เหมาะกับใช้ในงานลำเลียงทั่วไปในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมของการขนส่งพัสดุ หรือระบบจัดสัมภาระภายในสนามบิน ซึ่งการเลือกใช้สายพานลูกกลิ้งต้องคำนึงถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ในการลำเลียง เนื่องจากรูปแบบของลูกกลิ้ง จำนวนลูกกลิ้งที่ใช้ และความสามารถในการรับน้ำหนักของลูกกลิ้ง จะต้องสัมพันธ์กับความเร็วและแรงกระแทกของสายพานลำเลียงสินค้าเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้งานมากที่สุด
- สายพานส่งกำลัง เป็นสายพานที่ใช้ในเครื่องจักรกลอุตสาหกรรมมีหน้าที่ส่งกำลังเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนของเครื่องจักรกลอุตสาหกรรมเป็น
ฟันเฟืองในการขับเคลื่อนที่สำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งสายพานส่งกำลังจะถูกคล้องอยู่กับมูเล่ย์ที่มีตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไปที่มีหน้าที่เป็นตัวขับและตัวตามสายพานส่งกำลังจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ส่งถ่ายกำลังระหว่างมูเล่ย์ทั้ง 2 ตัวทำให้เครื่องจักรกลทำงาน ซึ่งสายพานส่งกำลังที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมมีด้วยกัน 4 ประเภท มีดังนี้
สายพานแบน เป็นสายพานยอดนิยมที่ใช้ในหลายอุตสาหกรรม ลักษณะของสายพานแบนจะมีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีคุณสมบัติที่โดดเด่นเรื่องความทนทานต่อแรงดึง ความร้อน ความเย็น เพราะสายพานแบนต้องสัมผัสในกระบวนการผลิตตลอดเวลา และสามารถป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตได้ดีเพื่อลดปัญหาที่จะเกิดกับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้สายพานแบนยังทนทานต่อน้ำมัน สารเคมีที่มีคุณสมบัติที่เป็นทั้งกรดและด่างเพื่อไม่ให้สายพานเสียหายจนทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องจักรกลหรือเครื่องยนต์ลดลง และสายพานแบนยังสามารถประยุกต์ไปใช้ในสายพานลำเลียงได้อีกด้วย ซึ่งสายพานแบนมีด้วยกัน 3 ชนิด คือ
- สายพานแบน Light Dives ใช้ในการส่งกำลังที่ไม่หนักมากเพราะเป็นสายส่งกำลังขนาดเล็กที่มีความเร็วสายพานประมาณ 10m/s ไม่เกิน 10 เมตรต่อวินาที สายพานแบน Light Dives นิยมใช้ในเครื่องจักรการเกษตร เครื่องมือกลขนาดเล็กที่ใช้กำลังส่งไม่มาก
- สายพานแบน Medium Dives มีพลังส่งปานกลางความเร็วของสายพานประมาณ 10-22 m/s หรือ มากกว่า 10 เมตรต่อวินาทีแต่ไม่เกิน 22 เมตรต่อวินาที นิยมใช้ในเครื่องจักร เช่น เครื่องตัด เครื่องเจียร ใช้ในการขนส่งวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร หรือใช้ในเครื่องปั๊มน้ำในอุตสาหกรรมการเกษตร
- สายพานแบน Heavy Drives เป็นสายพานแบนที่มีกำลังส่งมากที่สุดประมาณ 22m/s ขึ้นไปจึงสามารถใช้กับเครื่องจักรอุตสาหกรรมหนักได้หรือคอมเพรสเซอร์ เป็นต้น
- สายพานแบน Light Dives ใช้ในการส่งกำลังที่ไม่หนักมากเพราะเป็นสายส่งกำลังขนาดเล็กที่มีความเร็วสายพานประมาณ 10m/s ไม่เกิน 10 เมตรต่อวินาที สายพานแบน Light Dives นิยมใช้ในเครื่องจักรการเกษตร เครื่องมือกลขนาดเล็กที่ใช้กำลังส่งไม่มาก
- สายพานวี เป็นสายพานส่งกำลังที่นิยมใช้ในเครื่องจักรกลที่ใช้ในอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ รวมไปถึงใช้ในงานเกษตรหรือยานยนต์ โดยกำลังส่งของสายพานวีเกิดจากแรงเสียดทานที่เกิดจากผิวร่องของมูเล่ย์ของตัวขับและตัวตามกับผิวด้านข้างของสายพานที่มีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูหรือรูปตัววีทำให้เกิดเป็นแรงส่งกำลังก่อให้เกิดการขับเคลื่อนของมูเล่ย์ทั้ง 2 ตัว ด้วยกำลังส่งของสายพานวีเกิดจากแรงเสียดทานของผิวร่องของมูเล่ย์ ดังนั้นการเลือกสายพานวี ให้มีความเหมาะสมกับร่องของมูเล่ย์จึงมีความสำคัญโดยต้องเลือกสายพานวีที่มีขนาด ความกว้าง ความสูง และมุมของสายพานกับมูเล่ย์มีขนาดที่สัมพันธ์กันเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงวิธีการใส่สายพานวีที่ต้องเริ่มจากใส่สายพานวีที่ร่องพูลเลย์ด้านในสุดก่อนและปรับความตึงของสายพานให้เหมาะสมจะช่วยทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งประเภทของสายพานวีมีด้วยกัน 7 ชนิด ดังนี้
สายพานไทม์มิ่ง เป็นสายพานที่มีฟันเฟืองตลอดความยาวของสายพานซึ่งฟันเฟืองทำจากยางเทียม มีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูสามารถงอได้ตัวได้ดีจะถูกหุ้มด้วยเส้นใยไนลอนเพื่อลดการสึกหรอ มีแกนรับแรงด้วยลวดเหล็กกล้าหรือลวดไฟเบอร์ฝังอยู่ในยางเทียม สายพานไทม์มิ่งจะใช้ได้กับมูเล่ย์เล็ก ๆ ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 มิลลิเมตร ด้วยขนาดของร่องสายพานและขนาดของร่องมูเล่ย์มีขนาดเดียวกันจึงทำให้ไม่เกิดการลื่นไถลขณะส่งกำลัง ไม่มีเสียงดังขณะทำงาน นิยมใช้ในเครื่องยนต์, พัดลมอุตสาหกรรม เป็นต้น
- สายพานวีหน้าตัดปกติ หน้าตัดจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูมีทั้งหมด 6 ขนาด โดยจะเรียงจากหน้าตัดเล็กสุดไปหน้าตัดใหญ่สุด ได้แก่ หน้าตัด M, A, B, C, D และ E มีจุดเด่นในการต้านทานต่อแรงดึงและแรงกระตุกได้ดี นิยมใช้ในเครื่องจักรกลธรรมดาที่มีความเร็วรอบไม่มากนัก เช่น เครื่องจักรสิ่งทอ, กังหันไอน้ำ เป็นต้น
- สายพานวีหน้าตัดแคบ เป็นสายพานที่มีหน้าตัดขนาดเล็กแต่มีความสามารถในการส่งกำลังได้สูงกว่าหน้าตัดปกติ 3 เท่า มีขนาดมาตรฐานอยู่ 3 ขนาด คือ 3V, 5V และ 8V ซึ่งสายพานวีหน้าแคบมีคุณสมบัติในด้านความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และช่วยลดความร้อนในสายพานได้ดี จึงนิยมใช้กับงานที่ต้องรับแรงกระแทกและรับน้ำหนักโหลดสูง เช่น เครื่องจักรอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม เป็นต้น
- สายพานร่องวีร่วม เป็นการนำสายพานวีหน้าตัดแคบหลายเส้นที่มีขนาดเท่ากันมาเชื่อมต่อเป็นเส้นเดียวแล้วยึดด้วยแผ่นยางสังเคราะห์ระหว่างสายพาน จะช่วยให้เกิดการกระจายรับแรงกดบนสายพานให้มีความสม่ำเสมอ จึงทำให้สายพานร่องวีร่วมมีความแข็งแกร่ง ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนขณะทำงานจะไม่มีการพลิก จึงเหมาะใช้กับงานที่เพลามีระยะห่างกันมาก ๆ
- สายพานวีแหลม เป็นสายพานที่มีร่องวีแนวยาวและมีปลายแหลม ด้วยลักษณะดังกล่าวช่วยให้สามารถกระจายแรงกดตามรัศมีไปยังแผ่นยึดด้านบนของสายพานได้อย่างสม่ำเสมอและทั่วถึง จึงทำให้สามารถขับเคลื่อนส่งกำลังด้วยความเร็วสูงและรับภาระโหลดได้ดี และยังช่วยลดเสียงรบกวนขณะทำงานได้อีกด้วยจึงนิยมใช้ในเครื่องมือไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ เป็นต้น
- สายพานวีหน้ากว้าง จะมีหน้าตัดและขนาดที่กว้างพิเศษเมื่อเทียบกับสายพานชนิดอื่น มีคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านความยืดหยุ่น สามารถรับแรงดึง แรงกระแทก และทนความร้อนได้ดี จึงเหมาะกับเครื่องจักรกลที่สามารถปรับความเร็วรอบในการหมุนได้ตามที่ต้องการ เช่น เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม
- สายพานวีหลายรูปพรรณ เป็นสายพานที่ประกอบไปด้วยวัสดุหลายชนิดโดยห่อหุ้มด้วยพลาสติกเพื่อให้สามารถรับแรงดึงได้ ส่วนตัวสายพานทำจากยางที่มีความยืดหยุ่นทำให้โค้งงอได้ ทนต่อความร้อน การกัดกร่อน และป้องกันไฟฟ้าสถิตได้อีกด้วย จึงทำให้ลดเสียงดังขณะทำงานและลดความคลาดเคลื่อนได้ สายพานวีหลายรูปพรรณจึงเหมาะสำหรับงานส่งกำลังที่มีอัตราทดสูตร
- สายพานวีแบบมีร่องฟัน เป็นสายพานที่มีความพิเศษเพราะผลิตมาพร้อมกับฟันเฟืองที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมอย่างแม่นยำ จึงทำให้สายพานวีแบบมีร่องฟันมีความยืดหยุ่น สามารถโค้งงอโดยไม่มีการลื่นไถล และสามารถใช้งานกับมูเล่ย์ที่มีขนาดเล็ก ซึ่งทำให้มีการสูญเสียพลังงานน้อยและประหยัดพลังงานได้ดีกว่าสายพานวีทั่วไป จึงเหมาะในการใช้ในเครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ต้องใช้กำลังส่งมาก ๆ เช่น เครื่องสูบน้ำ, เครื่องกลึง, เครื่องปั่นไฟฟ้า เป็นต้น
- สายพานวีหน้าตัดปกติ หน้าตัดจะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูมีทั้งหมด 6 ขนาด โดยจะเรียงจากหน้าตัดเล็กสุดไปหน้าตัดใหญ่สุด ได้แก่ หน้าตัด M, A, B, C, D และ E มีจุดเด่นในการต้านทานต่อแรงดึงและแรงกระตุกได้ดี นิยมใช้ในเครื่องจักรกลธรรมดาที่มีความเร็วรอบไม่มากนัก เช่น เครื่องจักรสิ่งทอ, กังหันไอน้ำ เป็นต้น
- สายพานกลม ทำจากพลาสติกโพลียูนิเทนเพื่อจะได้ทนทานต่อจาระบี น้ำมันเบนซิน น้ำมัน และน้ำ มีหน้าตัดเป็นวงกลม สามารถตั้งทิศทางในการหมุนได้ตามความต้องการ มีความยืดหยุ่นสูง และไม่มีเสียงดังขณะทำงาน นิยมใช้กับงานที่ต้องการแรงส่งน้อย เช่น เครื่องจักรบรรจุภัณฑ์, เครื่องถ่ายเอกสาร และเครื่องพิมพ์ เป็นต้น
นอกจากสายพานที่กล่าวมายังสามารถแบ่งประเภทของสายพานตามลักษณะวัสดุที่ใช้ในการผลิตได้อีกด้วย เช่น สายพานยาง, สายพานหนัง, สายพานผ้า, สายพานพลาสติก และสายพานโลหะ จึงทำให้สายพานมีหลากหลายประเภทเพื่อให้มีความเหมาะสมในการใช้งานในแต่ละอุตสาหกรรมมากที่สุด ดังนั้นในการเลือกใช้งานจึงต้องมีหลายปัจจัย เช่น ประเภทของงาน,สภาพแวดล้อม, ปริมาณงานในการกำลังส่งที่ต้องใช้, ความเร็วและรอบในการทำงาน, ขนาดของมูเล่ย์ รวมไปถึงคุณภาพและมาตรฐานของสายพานที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่จะช่วยเพิ่มรายได้ของธุรกิจได้เป็นอย่างดี
หากคุณต้องการสายพานที่มีคุณภาพและมาตรฐาน บริษัท รุ่งอรุณแมชชีนเนอรี่ (1989) จำกัด เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมในส่วนของอะไหล่ที่จะเลือกสรรแต่สายพานที่มีคุณภาพและมาตรฐาน นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตงานในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นที่ต้องการให้ลูกค้าได้รับคุณภาพและมาตรฐานทั้งด้านสินค้าและบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในทุก ๆ ด้าน